XERANTHEMUM
ตอนนี้แค่อยากแต่งให้จบ คำโปรยไว้ค่อยคิด
ผู้เข้าชมรวม
2,880
ผู้เข้าชมเดือนนี้
10
ผู้เข้าชมรวม
ข้อมูลเบื้องต้น
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
Intro
ชายหนุ่มนั่งอยู่ในร้านกาแฟที่เงียบสงบ แม้ไม่มีเสียงรอบข้างใดๆแต่ในใจเขายังสั่นไหว ด้วยความที่สมัยเรียนนั้นเขาเป็นคนมั่นใจในตัวเองและมักบอกกับคนอื่นว่าเขาไม่มีปัญหาใดๆ แต่หลังจากเรียนจบมาปีหนึ่งแล้วก็ยังหางานทำไม่ได้ทั้งยังโดนที่บ้านตัดหางปล่อยวัดให้หัดอยู่ด้วยตัวเองทำให้เขานั้นรู้สึกกึ่งกล้ากึ่งอายที่จะต้องขอความช่วยเหลือจากเพื่อนแม้ว่าจะสนิทกันมากก็ตาม
“บอกแล้วแท้ๆว่าให้หัดหางานก่อนเรียนจบ มึงนี่มันจริงๆเลยนะเฟลซ”
ชายที่คุ้นหน้าคุ้นตากันดีกับการแต่งตัวบ้าแฟชั่นสีจัดจ้านเป็นปกติพูดก่อนจะนั่งลงฝั่งตรงข้าม เฟลซมองเพื่อนสมัยเรียนที่ตอนนี้กลายเป็นนักวาดภาพประกอบที่ใครก็อยากมีรูปของเขาในหนังสือไปซะแล้ว ดาเลียสั่งกาแฟหวานๆแบบที่เขาชอบก่อนจะหยิบเอกสารออกมาจากกระเป๋า ใบสมัครงานมากมายที่เขาหามาถูกวางลงตรงหน้าของเพื่อนเก่าผู้ตกยาก
“หมดนี่เลยหรอวะ”
“เลือกสักงานที่ชอบสิ พาร์ทไทม์ก็มีนะ”
เฟลซอ่านเอกสารทีละแผ่นไปเรื่อยๆแต่ดูเหมือนจะไม่มีงานไหนที่เข้ากับเขาเลย ในความเป็นจริงแล้ว ต้องเรียกว่าเขาก็แค่เรื่องมากไม่อยากทำงานที่ตัวเองไม่รู้สึกว่าไม่ถนัดก็เท่านั้น แม้จะเรียนออกแบบมาเหมือนกับดาเลีย แต่ในความจริงสิ่งเดียวที่เฟลซชอบและถนัดดูเหมือนจะเป็นการเล่นดนตรีมากกว่า ชายหนุ่มมองเพื่อนของตัวเองเลือกเอกสารโดยไม่บ่นเพราะเขารู้ดีว่าเฟลซนั้นช่างเลือกช่างพิจารณาขนาดไหน แต่ในเมื่อสนิทกันมาตั้งแต่มัธยมเขาก็อดช่วยไม่ได้อยู่ดี
“เลือกไม่ได้สินะ”
ดาเลียพูดขึ้นหลังเวลาผ่านไปเกือบชั่วโมงทำให้เฟลซยิ้มแห้งๆก่อนจะพยักหน้า
“งั้นไปทำงานพิเศษที่ร้านของรุ่นพี่กูก่อนไหม ถึงจะไม่ได้มากมายอะไรแต่ค่าจ้างวันละ350ก็คงประทังชีวิตมึงได้สักพักจนกว่าจะมีสติคิดได้ว่าไม่ควรเลือกงานในยุคเศรษฐกิจตกต่ำ”
เฟลซพยักหน้าตอบรับข้อเสนอของดาเลียโดยไม่ได้รู้สึกหรือสำนึกอะไรกับคำด่าที่พ่วงมาด้วย เขาขึ้นแท็กซี่ไปกับเพื่อนจนถึงร้าน แม้จะรู้สึกเกรงใจนิดๆที่ต้องให้ดาเลียออกค่าใช้จ่ายทุกอย่างให้ในตอนนี้ แต่ก็ดูเหมือนเขาจะเริ่มชินแล้วกับการเกาะคนอื่นเป็นครั้งคราว เฟลซมองร้านกาแฟที่ดูมีสไตล์ชัดเจนตรงหน้า ร้านกาแฟที่มีหน้าต่างกระจกขนาดใหญ่จนแทบจะเป็นห้องกระจกนั้นทำให้เห็นด้านในร้านได้ง่าย คาเฟ่ที่ตกแต่งเรียบๆแต่ดูดีด้วยเฟอร์นิเจอร์ที่ดูเหมือนจะทำจากไม้เกือบทั้งร้านทำให้สะดุดตาเหล่าคนที่ต้องการพักผ่อนซึ่งเดินผ่านไปมาตามท้องถนน Zinnia Café n Barเป็นตัวอักษรสีทองที่ถูกสลักไว้บนป้ายหน้าร้าน
“ร้านของคนรู้จักน่ะ จะฝากตัวให้มึงละกัน”
ดาเลียพูดก่อนจะเดินนำหน้าเข้าไปทำให้เฟลซต้องรีบเดินตาม ทันทีที่เขาไปด้านในร้านเขาก็เห็นหญิงสาวผมยาวสีฟ้าครามยืนอยู่ที่หน้าเคาน์เตอร์ เธอยิ้มให้ดาเลียอย่างเป็นกันเองราวกับว่ารอการมาของเขาอยู่
“ไง ฮันนี่ วันนี้จะรับอะไรดีจ๊ะ”
“ไม่ล่ะซินเนีย วันนี้ผมจะพาเพื่อนมาหางานทำ”
หญิงสาวดูแปลกใจเล็กน้อยก่อนจะมองเฟลซตั้งแต่หัวจรดเท้าราวกับสำรวจตรวจสอบบางอย่างในตัวเขา
“ก็ได้นะ ว่าแต่อยากทำช่วงกลางวันหรือกลางคืนล่ะ เพราะร้านเราเป็นบาร์ตอนกลางคืนด้วยนะ”
“มันทำได้ทั้งวันนั่นแหละเอาทั้งสองเลย มันไม่มีจะกิน”
“เฮ้! ดาเลีย มึงอย่าพูดเองเออเองสิ”
“ถ้าทำทั้งสองช่วงได้วันละ800เลยน้า”
ค่าเงินที่ออกมาจากปากของซินเนียทำให้เฟลซที่กำลังจะปฏิเสธสงบปากสงบคำลงแล้วยอมจำนนแต่โดยดี การคุยงานเป็นไปได้อย่างลงตัว อาจด้วยความเป็นกันเองของหญิงสาวที่แลดูจะเป็นคนง่ายๆ หลังจากออกจากร้าน เฟลซก็มองรอยยิ้มโล่งใจของดาเลียที่มักปรากฏขึ้นบนใบหน้าหลังจากแก้ปัญหาบางอย่างให้เขาได้เสมอ นี่อาจเป็นหนึ่งในเหตุผลที่เฟลซเลือกที่จะเชื่อใจเพื่อนคนนี้
หลังเสร็จธุระ ชายหนุ่มกลับไปที่บ้านซึ่งเขาอยู่กับรุ่นพี่สาวที่รู้จักกันตั้งแต่สมัยเรียนและแฟนหนุ่มของเธอพร้อมกับบอกข่าวดีเรื่องการได้งานทำของเขา
“แหม คิดถึงดาเลียจังนะ ไม่ได้เจอตั้งแต่เรียนจบเลย เนอะเจมส์”
หญิงสาวพูดระหว่างเวลาอาหารเย็นทำให้เจมส์ แฟนหนุ่มของเธอพยักหน้ารับ พวกเขาทั้ง4รู้จักกันมาตั้งแต่สมัยเรียนมัธยมแต่เพราะอายุที่ค่อนข้างห่างทำให้หลังๆนี้ทั้งคู่ไม่ได้เจอดาเลียนัก
“เดี๋ยวพี่ออกไปซื้อเบียร์มาเพิ่มหน่อยนะ”
“เจ๊ทิวลิประวังตัวด้วยนะ”
เฟลซพูดเมื่อรุ่นพี่สาวจะออกไปข้างนอก แม้จะรู้ว่าสำหรับเด็กนั่งดริ้งค์ที่กระทืบลูกค้าหื่นกามมานัดต่อนัดแล้วจะไม่น่าเป็นห่วงนักก็เถอะ หลังจากเธอออกไปได้ไม่นานเจมส์ก็สะกิดเฟลซเบาๆพร้อมยื่นกล่องสีขาวเล็กๆในมือให้เขาดู
“จะขอวันนี้เลยหรอครับเนี่ยเฮีย”
“แน่นอน พรุ่งนี้ก็วันครบรอบแล้วนะ จะขอเที่ยงคืนวันนี้เลยเป็นไง”
เฟลซมองรอยยิ้มตื่นเต้นของเจมส์ก่อนจะถอนหายใจ เพราะไม่ว่ากี่ปีคู่นี้ก็ยังหวานกันไม่เปลี่ยนไปจากเดิมแม้แต่น้อย เจมส์ลุกขึ้นและเดินเข้าไปในห้องครัวเพื่อจะไปหยิบน้ำมาเพิ่มแต่ระหว่างที่เขาเดินไปอยู่ดีๆชายหนุ่มก็ทรุดลงกับพื้น แขนข้างขวาของเขาเริ่มมีเส้นเลือดขึ้นราวกับเกร็งกล้ามเนื้ออย่างหนัก ต้นแขนของเขามีสัญลักษณ์วงกลมวงเล็กๆสีแดงวนรอบต้นแขนราวกับกำไลแต่ในความเป็นจริงแล้วมันคือตราที่แสดงให้เห็นว่าเขานั้นผ่านการงอกอวัยวะใหม่จากบริษัทสโนว์ดร็อป เจมส์ไม่ได้บอกอะไรกับเด็กหนุ่มที่นั่งอยู่อีกห้องหนึ่ง เพราะเขาคิดว่ามันเป็นแค่อาการแทรกซ้อนจากการงอกอวัยวะใหม่ซึ่งเขาเคยเป็นมาแล้ว และไม่เกินสิบนาทีมันก็จะหายเป็นปกติ
ทิวลิปซื้อเบียร์กลับมาที่ห้อง เธอไขกุญแจเข้าห้องของตัวเองก่อนจะต้องตกใจเมื่อเห็นเลือดที่ไหลเป็นทางออกมาจากห้องนอน หญิงสาวรีบวิ่งเข้าไปดูเพราะเธอคิดว่าอาจจะเป็นเลือดจากแผลของแฟนหนุ่มที่เปิดออก แต่เมื่อเดินไม่ถึงกลับไม่มีสิ่งใดเลยนอกจากกระป๋องสีที่ล้มอยู่จนไหลออกมาเป็นทาง ทิวลิปถอนหายใจอย่างโล่งอกก่อนจะหันหลังกลับไปเพื่อจะเรียกชายหนุ่มทั้งสองมาทำความสะอาด แต่มันก็ช้าไปเสียแล้วเมื่อมีบางสิ่งมากระแทกเข้าที่หัวทำให้เธอล้มลงในทันที
เฟลซลืมตาขึ้นมาช้าๆ ความรู้สึกเจ็บที่ท้องยังคงทำให้เขาหายใจลำบาก เขารู้ได้จากมุมตรงหน้าว่าเขานั้นกำลังนั่งอยู่ที่โต๊ะอาหาร แต่ภาพบนโต๊ะกลับทำให้เขาแทบบ้า ชิ้นเนื้อสดๆที่เขาอยากหลอกตัวเองว่ามันไม่ใช่มนุษย์ถูกจัดใส่จานอย่างดีราวอาหารชั้นสูง ฝั่งตรงข้ามของเขาคือหญิงสาวที่ยังไม่ได้สตินั่งอยู่บนเก้าอี้อย่างสงบเงียบ เขาอยากจะลุกไปดูเธอแต่ขาของเขานั้นกลับไม่ขยับเฟลซก้มลงมองที่ขาของตัวเองทำให้เขาเห็นว่าขาของตัวเองทั้งสองข้างตั้งแต่ช่วงหัวเข่าลงไปนั้นถูกตัดออก ชายหนุ่มหันไปด้านข้างแล้วอาเจียนออกมาอย่างช่วงไม่ได้
“วันนี้เป็นวันที่ดีจริงๆนะ พวกเธอสองคนเป็นยังไงบ้าง กลับมาถึงบ้านเร็วดีนะ ฉันทำอาหารไว้รอแล้วล่ะ ทำงานอย่ากลับดึกมากล่ะ”
คำพูดที่คุ้นหูกับเสียงที่คุ้นเคยทำให้เฟลซชะงัก คำพูดติดปากของเจมส์ที่เขามักจะพูดในทุกๆวันถูกเอามาเรียงเป็นท่อนยาวๆที่ดูผิดเพี้ยน ชายหนุ่มผู้เป็นราวพี่ใหญ่ของบ้านถือกีตาร์โปร่งสุดที่รักของเฟลซเข้ามาในห้องอาหารด้วยรอยยิ้มก่อนจะวางมันลงในมือของเจ้าของ
“หลังสามทุ่มอยู่ๆน้องชายก็จะชอบเล่นกีตาร์ขึ้นมา...”
“ฮะ...เฮีย นี่มันบ้าอะไรเนี่ย”
เฟลซถามชายผู้มีรอยยิ้มไม่รู้ร้อนรู้หนาวแต่กลับไม่มีคำตอบ เจมส์จับหัวของเขาก่อนจะบีบราวกับว่าจะขยี้หัวของเขาให้แหลกคามือ
“หลังสามทุ่มอยู่ๆน้องชายก็จะชอบเล่นกีตาร์ขึ้นมา”
เสียงที่กดดันทำให้เฟลซยอมดีดกีตาร์ขึ้น หลังจากเสียงของเครื่องดนตรีดังขึ้นเจมส์ก็ปล่อยมือออกก่อนจะนั่งลงที่เก้าอี้ใกล้ๆกับคนรักของเขา เขาเปิดกล่องใส่แหวนสีขาวที่เปรอะคราบเลือดขึ้นมาแล้วยื่นเข้าไปใกล้ๆหญิงสาวด้วยรอยยิ้ม
“ฉันขอมือของเธอแล้วนะแต่เธอไม่ให้ก็เลยหยาบคายไปหน่อย”
เฟลซมองด้านในกล่องที่เป็นนิ้วที่ถูกสวมแหวนไว้อย่างพะอืดพะอม
“ฉันน่ะนะรักพวกเธอสองคนมากๆเลยล่ะ อยากจะให้อยู่แบบนี้ไปเรื่อยๆจนกว่าฉันจะตาย ไม่อยากแยกไปไหนอีกแล้ว ฉันอยากอยู่กับพวกเธอ...”
สิ้นเสียงที่คุ้นเคยนั้นร่างที่คุ้นตาก็เริ่มผิดแปลกไป เสียงของเนื้อที่ฉีกขาดดังขึ้นพร้อมกับแขนของชายหนุ่มค่อยๆงอกออกมาจากลำตัวราวกับแมงมุม กล้ามเนื้อขึ้นให้เห็นเป็นลายไม่ต่างกับเส้นเลือดที่เต้นกระตุกราวกับจะระเบิดออกมา มือข้างหนึ่งคว้ามีดขึ้นจากโต๊ะอาหารก่อนที่รอยยิ้มจะผุดขึ้นบนใบหน้า
“ว่าแต่...พวกเธอคือใครกันนะ”
มีดปักเข้าที่ท้องของหญิงสาวผู้เป็นที่รัก ร่างกายที่บิดเบี้ยวกับความสงสัยที่ปกคลุมไปทั่วในใจของเฟลซนั้นทำให้สติของเขาขาดสะบั้น เขามองภาพตรงหน้าโดยไม่สามารถขยับได้แม้แต่มิลเดียว ได้เพียงเฝ้าถามกับตัวเองว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ แต่ระหว่างที่ความสิ้นหวังครอบงำจิตใจของเขานั้นเสียงระเบิดก็ดังขึ้นพร้อมกับกำแพงที่ถูกทำลายจนเป็นรูกว้าง บุคคลใส่หน้ากากสีดำสนิทไม่มีแม้ช่องที่เปิดให้เห็นดวงตาสองคนยืนอยู่บนซากกำแพงที่พวกเขาเป็นคนพัง
“พบสัญญาณ ‘กาฮิจิ’ แล้วครับ จะทำการกำจัดเป้าหมายเดี๋ยวนี้”
บุคคลปริศนาพูดพร้อมกับยิงปืนใส่ร่างตรงหน้าของเฟลซอย่างรวดเร็งแทบไม่เว้นช่วงหายใจ ชายหนุ่มมองเหตุการณ์ตรงหน้าก่อนจะกำมือแน่น เขานั้นไม่สามารถทนต่อไปได้ไม่ว่ารุ่นพี่ผู้เป็นที่รักนั้นจะกลายเป็นตัวอะไรไปแล้วก็ตาม
“หยุดยิงเฮียนะเว้ย! ไอ้พวกสารเลว”
เสียงตะคอกของเขาทำให้ชายปริศนาลดปืนลงและหันมามองอย่างแปลกใจ
“หืม? นี่มึงบ้าหรือปัญญาอ่อนวะ ไอ้ตัวนี้น่ะมันไม่ใช่ใครสักคนที่มึงรู้จักอีกแล้วนะเว้ย”
“ยะ...หยุดพูดแบบนั้นนะ”
ชายปริศนาอีกคนที่มาด้วยพูดขึ้นแต่ก็ดูเหมือนจะไม่มีผล ผู้ถือปืนหันปากกระบอกปืนเข้าใส่เฟลซเพื่อหวังจะกำจัดตัวเกะกะ กระสุนปืนชนิดพิเศษถูกยิงเข้ากลางหลังของคนที่ไม่น่าจะเหลือสติอยู่แล้วในตอนนี้ เจมส์บังกระสุนไม่ให้โดนเด็กหนุ่มผู้เป็นราวน้องชายของเขา แม้กล้ามเนื้อจะยังบิดเบี้ยวและผิดเพี้ยนไม่ต่างจากก่อนหน้านี้แต่มือที่สัมผัสผมของเฟลซนั้นกลับคุ้นเคยจนน่าประหลาด
“ดูแลเจ๊ให้ดีๆล่ะ”
สิ้นเสียงของเขาใบหน้าที่มีรอยยิ้มก็ถูกยิงจนระเบิดกระจายเป็นเศษเนื้อ ร่างที่ผิดเพี้ยนนั้นล้มลงไปกองที่พื้นอย่างที่ควรจะเป็น ทั้งที่สัตว์ร้ายถูกกำจัดไปแล้วแต่ชายหนุ่มกลับไม่โล่งใจเลยแม้แต่น้อย น้ำตาไหลเอ่อออกมาด้วยความเสียใจพร้อมกับเสียงร้องลั่นที่ไม่อยากยอมรับความจริงใดๆบนโลกใบนี้อีกแล้ว
“เอาล่ะ ต่อไปก็มึงเลยไอ้ตัวน่ารำคาญ”
กระบอกปืนที่เตรียมจะยิงเขานั้นถูกบังจากสายตาเพราะร่างของชายที่มากับชายปริศนาคนนั้นเอง
“หลบไป! กูเกลียดไอ้เด็กน้ารำคาญนั่น”
“ไม่ได้หรอก เพราะหมอนี่เป็นเพื่อนของฉัน”
ชายปริศนาที่พยายามจะรักษาชีวิตของเฟลซถอดหน้ากากออก ใบหน้าที่คุ้นตา ผมหลากสีเด่นสะดุดและเครื่องประดับที่ใส่เยอะจนเกินความจำเป็นทำให้เขายิ่งสับสน
“เขาเห็นหน้าฉันแล้ว แบบนี้เขาก็เป็นพวกเราแล้วน่ะสิ”
“ดาเลีย! ถ้าแบบนั้น กูก็จะฆ่ามึงไปพร้อมกันซะเลยดีกว่ามั้ง”
คำพูดของชายหนุ่มทำให้อีกฝ่ายไม่พอใจเป็นอย่างมากและกำลังจะลั่นไกใส่พวกเดียวกันเอง แต่ก่อนที่เขาจะได้ทำร่างของเขาก็ล้มลงซะก่อนเพราะยาพิษที่ติดไว้ที่ปลอกคอของเขาเอง
“ดาเลีย กลับมาที่ฐานเอาเพื่อนของเธอกลับมาด้วย ฉันจะรักษาให้ ส่วนเนรัลก็ช่างมัน ฉันไม่ต้องการคนที่จะมาฆ่าพวกเดียวกัน ปล่อยศพมันไว้แบบนั้นแหละ”
เสียงทุ้มเข้มของใครบางคนดังออกมาจากนาฬิกาข้อมือของดาเลีย ชายหนุ่มหันไปมองเพื่อนของตัวเองที่ยังอึ้งกับสถานการณ์ทุกอย่างก่อนจะกอดเขาเอาไว้
“ดาเลียนี่มันเรื่องอะไรกัน?! มึงทำอะไรกันแน่?! เฮ้ย! บอกมานะ...”
“โทษทีนะพวก คงต้องขอให้มึงหลับไปสักพักใหญ่ๆ”
เข็มฉีดยาถูกปักลงที่คอของเฟลซทำให้เขาหลับไปในทันที ชายหนุ่มถอนหายใจก่อนจะมองไปที่หญิงสาวอีกคนหนึ่ง เขาคิดว่าคงจะต้องพากลับไปทั้งสองคนเสียแล้ว
อีกด้านชายวัยกลางคนกลับกำลังยิ้มอย่างสบายอารมณ์อยู่ที่ห้องของตัวเอง เขานั้นชอบเมื่อได้เห็นจิตใจที่บริสุทธิ์ต้องเผชิญหน้ากับความจริงอันโหดร้ายของโลกไปนี้
“เอาล่ะ เธอจะทำยังไงกันต่อนะโรสแมรี่ที่น่ารักของฉันกำลังรอที่จะต่อเข้ากับประสาทของเธออยู่เลย”
ผลงานอื่นๆ ของ Hell'sDay ดูทั้งหมด
ผลงานอื่นๆ ของ Hell'sDay
ความคิดเห็น